ราคาบิทคอยน์ร่วงเช้านี้ หลังเดวิด แซคส์ หัวหน้าฝ่ายคริปโทและ AI ทำเนียบขาว ระบุว่ารัฐบาลจะไม่ใช้เงินภาษีประชาชนสนับสนุนกองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์ ตามคำสั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ราคาบิตคอยน์ในช่วงเช้าวันนี้ดิ่งลงอย่างหนักถึง 5.7% ก่อนที่จะฟื้นตัวบางส่วน โดยลดเหลือ 2.1% อยู่ที่ 87,927 ดอลลาร์ ณ เวลา 10.19 น. ตามเวลาสิงคโปร์ ขณะเดียวกัน เหรียญดิจิทัลอื่น ๆ อย่างอีเธอร์ (Ether), เอ็กซ์อาร์พี (XRP), คาร์ดาโน (Cardano) และโซลานา (Solana) ต่างก็ปรับตัวลดลงอย่างน้อย 2%

แซคส์ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ โดยระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งในการจัดตั้ง “กองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์” ซึ่งจะใช้บิตคอยน์ที่ยึดได้จากคดีอาญาและคดีแพ่งเป็นทุนสำรอง โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินจากภาษีประชาชน ทำให้รัฐบาลไม่ก่อภาระทางการเงินเพิ่มเติมให้กับผู้เสียภาษี

ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่าจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เพื่อแสดงถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งกำลังกลายเป็นหนึ่งในแหล่งทุนสำคัญสำหรับการบริจาคทางการเมือง

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้สัญญาว่าจะปลดแกรี เจนสเลอร์ ออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความคาดหวังในเชิงบวกต่อตลาดโทเคนคริปโท ส่งผลให้ราคาบางเหรียญปรับตัวสูงขึ้นก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่ง ในโพสต์ล่าสุดผ่านแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล ทรัมป์ระบุว่า เหรียญอื่น ๆ เช่น อีเธอร์, โซลานา, คาร์ดาโน และเอ็กซ์อาร์พี จะถูกนำมารวมไว้ในแผนการจัดตั้ง “กองทุนสำรองคริปโทเคอร์เรนซี” ของรัฐบาล สร้างความไม่พอใจให้กับชุมชนนักลงทุนบิตคอยน์ ซึ่งมองว่าการรวมเหรียญอื่น ๆ เป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งและข้อกังวลว่าแผนนี้จะใช้งบประมาณอย่างไร

ปัจจุบัน สหรัฐฯ เป็นเจ้าของบิตคอยน์มูลค่าราว 16.4 พันล้านดอลลาร์ และครอบครองโทเคนอื่น ๆ อีก 7 ชนิด มูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากการยึดทรัพย์ในคดีอาญาและแพ่ง