
รถเก๋งประหยัดน้ำมัน 2025 คุ้มค่า น่าใช้
เมื่อพูดถึงรถเก๋งที่ประหยัดน้ำมัน รถเก๋งประหยัดน้ำมัน 2025 หลายคนคงคิดถึงรถขนาดเล็กหรือ Eco car เป็นหลัก เนื่องจากรถกลุ่มนี้ ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัดน้ำมันอยู้แล้ว และบางรุ่นยังมีราคาที่เข้าถึงได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีหลายแบรนด์ให้เลือก รถเก๋งประหยัดน้ำมัน 2025 แต่คำถามสำคัญก็คือ จะเลือกรุ่นไหนดี
1.Toyota Yaris Ativ
- พละกำลัง: 94 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร
- Toyota Yaris Ativ อัตราสิ้นเปลือง: 23.3 กม./ลิตร
นี่คือรถเก๋งประหยัดน้ำมันที่มาพร้อมราคาย่อมเยาจากค่ายโตโยต้า รถเก๋งประหยัดน้ำมัน 2025 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเมื่อเปิดตัว ด้วยความโดดเด่นทั้งในด้านดีไซน์ ราคา และออปชันที่เกินความคาดหมาย เปลี่ยนมุมมองเดิม ๆ ที่ว่า “โตโยต้าชอบกั๊กของ” ไปได้อย่างน่าประทับใจ หากมีคนถามว่ารถเก๋งรุ่นไหนดี รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่นึกถึงเลย
จากการทดลองขับจริง หากกดคันเร่งเต็มที่ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะอยู่ราว 16 กม./ลิตร แต่หากขับแบบเน้นความประหยัดมากขึ้น จะได้ราว 20 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีสำหรับรุ่นนี้

จุดเด่น
- ราคาเข้าถึงง่าย แต่คุ้มค่าหลายด้าน
- ออปชันและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกดีขึ้นเยอะ ไม่กั๊กแล้ว!
- มีระบบควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติในความเร็วต่ำ รถกลุ่มเดียวกันไม่เคยมีมาก่อน
- เก็บเสียงได้ดีมาก วิ่งเกิน 120 km/hr ถึงจะได้ยินเสียงเข้าห้องโดยสาร
- ขับแล้วมั่นใจ เกาะถนนเยี่ยม ซับแรงกระแทกได้ดี
ราคา
- Toyota Yaris Ativ Sport ราคา 549,000 บาท
- Toyota Yaris Ativ Smart ราคา 594,000 บาท
- Toyota Yaris Ativ Premium ราคา 669,000 บาท
- Toyota Yaris Ativ NIGHTSHADE ราคา 699,000 บาท
- Toyota Yaris Ativ Premium Luxury ราคา 699,000 บาท
ตัวท็อปมือสองราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 549,000 บาท ถูกกว่ามือหนึ่ง 150,000 บาท
2.Honda City
- Honda City 1.0 Turbo อัตราสิ้นเปลือง: 23.3 กม./ลิตร
- Honda City 1.5 e:HEV อัตราสิ้นเปลือง: 27.8 กม./ลิตร
- พละกำลัง City 1.0 Turbo: 122 แรงม้า แรงบิด 173 นิวตันเมตร
- พละกำลัง City 1.5 e:HEV: 109 แรงม้า แรงบิด 253 นิวตันเมตร
Honda City 1.0 Turbo เป็นรถเก๋งที่ประหยัดน้ำมัน ทดลองวิ่ง 100-110 km/h ได้ประมาณ 17 km/L และหากใช้โหมด ECON น่าจะเพิ่มความประหยัดตามสเปกที่ระบุไว้
สำหรับรุ่นไฮบริด City Hatchback e:HEV RS ใช้งานจริงประมาณ 24 km/L ซึ่งถือว่าน่าพอใจ หากเป็นรุ่นซีดาน อาจได้เพิ่มเล็กน้อยเพราะตัวรถเพรียวลมและเบากว่า
ในรุ่นนี้ ตัวท็อปแม้ราคาสูงกว่าคู่แข่ง แต่ยอดขายกลับดีกว่ารุ่นย่อย ด้วยข้อได้เปรียบหลายด้าน โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยและจัดเต็มกว่า

จุดเด่น
- เครื่องยนต์ 1.0 เล็กที่สุด แต่แรงสุดในกลุ่ม Eco Car
- ดีไซน์ภายนอกและภายในลงตัวยิ่งขึ้น ฟังก์ชันและระบบดิจิทัลต่าง ๆ ใช้งานง่าย
- รุ่นเครื่องยนต์ 1.0 ตอบสนองดีทั้งความเร็วต่ำและความเร็วสูง ฟีลเหมือนขับเครื่อง 1.8 การเร่งแซงดีกว่าเครื่อง 1.5 อย่างเห็นได้ชัด
- ช่วงล่างที่เซ็ตมาใหม่ดีกว่าตัวเดิมมาก ๆ กระฉับกระเฉงขึ้น น้ำหนักพวงมาลัยดีมากกกก! เลี้ยวแล้วมั่นใจ
- ของแต่งเพียบ! ตกแต่งง่าย
- กว้างขวางและเงียบกว่ารุ่นเดิมมาก
ราคา
- Honda City รุ่น S ราคา 599,000 บาท
- Honda City รุ่น V ราคา 629,000 บาท
- Honda City รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
- Honda City รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
- Honda City รุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท
- Honda City รุ่น e:HEV RS ราคา 799,000 บาท
ตอนนี้รุ่น 1.0 RS มือสอง ราคาอยู่ที่ 449,000 – 590,000 บาท ถูกกว่ามือหนึ่งประมาณ 159,000 – 300,000 บาท
3.Mazda 2
- Mazda 2 (เบนซิน 1.3 ลิตร) อัตราสิ้นเปลือง: 23.3 กม./ลิตร
- Mazda 2 (ดีเซล 1.5 ลิตร) อัตราสิ้นเปลือง: 26.3 กม./ลิตร
- พละกำลัง Mazda 2 (เบนซิน 1.3 ลิตร): 93 แรงม้า แรงบิด 123 นิวตันเมตร
- พละกำลัง Mazda 2(ดีเซล 1.5 ลิตร): 105 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร
มาสด้า 2 เป็นรถเก๋งประหยัดน้ำมันจริง ๆ เครื่องเบนซินเหมาะใช้งานทั่วไป รถเก๋งประหยัดน้ำมัน 2025 ประหยัดแต่แรงน้อย วิ่งนอกเมืองอืดเล็กน้อยแต่ยังพอแซงได้ ส่วนเครื่องดีเซลเด่นทั้งแรงและประหยัด ที่สำคัญยังคว้ารางวัล Product Innovation Awards 2023 สุดยอดสินค้าและบริการนวัตกรรมแห่งปี 2566

จุดเด่น
- ดีไซน์โดดเด่น สปอร์ต ทันสมัย มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
- มีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) และระบบความปลอดภัย i-Activsense ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น
- มีระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP ทุกรุ่นย่อย
- มีนวัตกรรมเกียร์ SKYACTIV-Drive ที่ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น รถเก๋งประหยัดน้ำมัน 2025 แต่ขับแล้วยังสนุกสนานเร้าใจ ช่วยเพิ่มกำลังแรงบิดตั้งแต่รอบต่ำถึงปานกลาง ที่สำคัญ มาในราคาที่เหมาะสม
- เงียบมาก! กระจกหน้ามีนวัตกรรมลดเสียงรบกวน ห้องโดยสารใช้วัสดุเก็บเสียง
- ช่วงล่างโดดเด่น ควบคุมได้ดีทั้งความเร็วต่ำและความเร็วสูง ระบบเบรกเฉียบคม
ราคา
- Mazda 2 1.3 C (เบนซิน) ราคา 599,000 บาท
- Mazda 2 1.3 S (เบนซิน) ราคา 680,000 บาท
- Mazda 2 1.3 SP (เบนซิน) ราคา 730,000 บาท
- Mazda 2 XD (ดีเซล) ราคา 720,000 บาท
- Mazda 2 XDL (ดีเซล) ราคา 830,000 บาท
สำหรับมาสด้า 2 เล่นมือสองนี่ดีเลย ดีไซน์ยังสวยอยู่ ราคาก็ดีด้วย ตัวท็อปเบนซินรุ่น SP ปี 2020 เริ่ม 390,000 บาท ถูกกว่ามือหนึ่ง 340,000 บาท สำหรับเรามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริง ๆ
4.Nissan Almera
- Nissan Almera อัตราสิ้นเปลือง: 23.3 กม./ลิตร
- พละกำลัง Nissan Almera: 100 แรงม้า แรงบิด 152 นิวตันเมตร
นี่คือรถเก๋งที่ถือว่าประหยัดทั้งน้ำมันและราคาจริง ๆ ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมว่ารุ่นใหม่ของปี 2024 นี้ถูกพัฒนาออกมาได้ดีมาก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว หลาย ๆ อย่างในรถรุ่นนี้ทำให้เราประทับใจ รถเก๋งประหยัดน้ำมัน 2025 ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก หรือระบบความปลอดภัยที่จัดเต็ม เมื่อได้ทดลองขับ Nissan Almera 1.0 VL เพื่อทดสอบอัตราสิ้นเปลืองจากการใช้งานจริงก็พบว่า…
– การขับในเมืองที่รถไม่ติดมาก อัตราการใช้น้ำมันอยู่ที่ประมาณ 16 km/L ถือว่าโอเคเลย
– สำหรับการขับนอกเมืองบนถนนที่โล่งขึ้น อัตราการใช้น้ำมันอยู่ที่ประมาณ 22 km/L ใกล้เคียงกับข้อมูลจากผู้ผลิตมาก
– ส่วนการขับขึ้นเขา อัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12 km/L ซึ่งถือว่าไม่แย่สำหรับเส้นทางลักษณะนี้

จุดเด่น
- อัตราเร่งตอบสนองได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว ด้วยแรงบิดต่อเนื่องที่ประสิทธิภาพสูง
- มาพร้อมระบบ Idling Stop ที่ตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง ช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.0 ลิตร ใช้เทคโนโลยี Mirror Bore Coating บนกระบอกสูบ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในนิสสัน จีที-อาร์ ช่วยเพิ่มความทนทาน ลดการสึกหรอ ลดน้ำหนักของกระบอกสูบ และยังช่วยให้ระบายความร้อนและกระบวนการเผาไหม้ดีขึ้น
- ระบบส่งกำลัง XTRONIC CVT พร้อม D-Step Logic ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น ในขณะเดียวกันยังให้ความต่อเนื่องและความรวดเร็วในอัตราเร่ง
- ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวาง ทั้งที่นั่งสำหรับผู้โดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง มอบความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง
ราคา
- Nissan Almera 1.0L Turbo E CVT ราคา 549,000 บาท
- Nissan Almera 1.0L Turbo EL CVT ราคา 589,000 บาท
- Nissan Almera 1.0L Turbo V CVT ราคา 669,000 บาท
- Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT ราคา 699,000 บาท
Nissan Almera เป็นแบรนด์รองที่ราคาตกเร็วกว่าเจ้าอื่น ซื้อมาใช้งานถือว่าคุ้ม แต่ถ้าคิดจะขายต่อ ราคายังสู้คู่แข่งไม่ได้ แม้จะปรับให้บางจุดเหนือกว่าแล้วก็ตาม รุ่นท็อป VL 2020 มีราคาเริ่มต้นเพียง 320,000 บาท หายจากราคามือหนึ่งเกินครึ่ง
MG 5
- MG5 มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร
- พละกำลัง: 114 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร
สำหรับคนที่ชื่นชอบรถเก๋งดีไซน์สปอร์ตทรงคูเป้ พร้อมออปชันครบครันและความประหยัดน้ำมันในระดับที่น่าพอใจ MG5 ดูเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากทีเดียว แม้จะไม่ได้ประหยัดเทียบเท่ารถอีโคคาร์ แต่ก็จัดว่าใช้ได้ในเกณฑ์ดี หากขับแบบค่อย ๆ เร่งความเร็ว จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อีกพอสมควร เมื่อพิจารณาจากราคาที่จ่าย กับความหรูหราและสิ่งที่รถคันนี้มอบให้ ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่าเกินราคา สรุปง่าย ๆ คือขนาดตัวรถเทียบเท่ากับกลุ่ม C-Segment แต่ราคาอยู่ในระดับ B-Segment
– เรื่องอัตราสิ้นเปลือง วิ่งช่วงรถติดมาก ๆ เราได้ 11-12 km/L
– วิ่งถนนโล่ง ๆ ออกต่างจังหวัด ได้ประมาณ 15-16 km/L แต่นั่งเต็มรถนะ ผู้โดยสาร 5 คน ของเต็มหลังรถด้วย อาจไม่ได้ประหยัดมากก็จริง แต่ไม่ได้ซดดุจนรับไม่ไหว

จุดเด่น
- ตัวเลือกจัดเต็มมาก มีซันรูฟที่หารถในกลุ่มเดียวกันยากจะเจอ
- ภายในหรูหราสุด ๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ถือว่าทำออกมาโดดเด่นและน่าสนใจกว่าใคร
- การออกตัวอาจช้าสักนิด แต่เมื่อเดินคันเร่งต่อเนื่อง เครื่องยนต์ทำงานได้ดีเยี่ยม เกียร์ CVT ให้ความราบรื่น เหมาะสำหรับการขับขี่แบบชิล ๆ ไม่เร่งรีบ
- ช่วงล่างยอดเยี่ยม ยึดเกาะถนนดีแต่ก็ยังมีความนุ่มนวล เพิ่มความสนุกขณะขับ เก็บเสียงได้ค่อนข้างโอเค
- ราคาถือว่าเป็นจุดแข็ง งบประมาณ 7 แสนบาท ก็สามารถจบครบได้แบบสวย ๆ
ราคา
- MG5 2024 รุ่น 10TH SE ราคา 589,900 บาท
- MG5 2024 รุ่น PRO D ราคา 629,900 บาท
- MG5 2024 รุ่น PRO X ราคา 669,900 บาท
สำหรับราคา MG5 มือสองในขณะนี้ รุ่นตัวท็อปมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 370,000-410,000 บาท ซึ่งถูกกว่าราคามือหนึ่งอยู่ประมาณ 3 แสนบาท ถือว่าคุ้มค่าหากจะซื้อมาใช้งาน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแค่ดีไซน์ใหม่ ส่วนเครื่องยนต์ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ