5 สมาร์ตโฟนราคาย่อมเยา สมาร์ตโฟนในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์สำหรับการสื่อสารอีกต่อไป
5 สมาร์ตโฟนราคาย่อมเยา สมาร์ตโฟนได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญที่สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนยุคใหม่ ทั้งในด้านความเร็ว ความสะดวก ทนทาน และความคุ้มค่าที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย 5 สมาร์ตโฟนราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ต้องการความต่อเนื่องและยืดหยุ่น หรือการเดินทางที่ต้องมีแบตเตอรี่อึดสำหรับการใช้งานทั้งวันโดยไม่สะดุด
5 สมาร์ตโฟนราคาย่อมเยา กล้องที่มาพร้อมสมาร์ตโฟนสมัยใหม่ ยังช่วยบันทึกทุกช่วงเวลาสำคัญได้อย่างคมชัดในทุกสถานการณ์ ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอแนะนำ 5 สมาร์ตโฟนราคาย่อมเยา ที่ไม่เพียงรองรับทุกความต้องการ แต่ยังมอบประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิตประจำวัน มาดูกันว่าสมาร์ตโฟนรุ่นไหนจะตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างรอบด้านที่สุด
1. HONOR X9c 5G
หน้าจอของ HONOR X9c 5G มีขนาด 6.78 นิ้ว แบบ AMOLED มาพร้อมความละเอียดสูงถึง 1,224 x 2,700 พิกเซล และ Refresh Rate 120Hz ให้การแสดงผลที่ลื่นไหล นอกจากนี้ ยังมีความสว่างสูงสุดถึง 4000 nits พร้อมดีไซน์แบบจอโค้ง เพิ่มความพรีเมียม กล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และตัวกระจกถูกครอบด้วย Super Tempered Glass เพื่อเพิ่มความทนทาน
– รอบตัวเครื่องถูกออกแบบด้วยขอบที่สวยงามและดูเรียบง่าย
– ด้านซ้ายไม่มีปุ่มใดๆ ด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง
– ด้านบนติดตั้งลำโพงและไมโครโฟน
– ส่วนด้านล่างมีพอร์ต USB-C, ไมโครโฟน
– ถาดใส่ซิมการ์ดที่รองรับแบบ Dual Nano SIM
2. vivo Y200 5G
vivo Y200 5G มาพร้อมการออกแบบตัวเครื่องที่เรียบหรู โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ให้ภาพคมชัด พร้อมรองรับ Refresh Rate 120Hz และความสว่างหน้าจอสูงสุดถึง 1800 nits ช่วยให้ใช้งานกลางแจ้งได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังผ่านการรับรองมาตรฐาน SGS Eye Protection ซึ่งช่วยลดอาการล้าสายตา ทำให้ใช้งานหน้าจอในที่แสงจ้าได้อย่างสบายใจ
รอบตัวเครื่องถูกออกแบบให้ใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมกับความบางเพียง 7.79 มิลลิเมตร ส่วนประกอบต่างๆ ถูกจัดวางอย่างลงตัวดังนี้
– ปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่ม Power สำหรับเปิด
– ปิดเครื่อง ตั้งอยู่ทางด้านขวามือ
– ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่สอง
– ด้านล่างติดตั้งลำโพง, พอร์ต USB-C
– ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ที่รองรับ Nano SIM 1 ช่องที่สามารถสลับใช้งานระหว่าง Nano SIM กับ MicroSD โดยรองรับความจุสูงสุดถึง 1TB
3. Samsung Galaxy A55
หน้าจอ: Super AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz และความสว่างสูงสุดที่ 1,000 นิต CPU: Exynos 1480 RAM: 8GB / 12GB หน่วยความจำ: 128GB / 256GB รองรับการเพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุด 1TB กล้องหลัง 3 ตัว: – กล้องหลัก เซนเซอร์ SONY IMX906 ความละเอียด 50MP (f/1.8) พร้อมระบบกันสั่น OIS – กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12MP (f/2.2) – กล้อง Macro ความละเอียด 5MP (f/2.4) กล้องหน้า: ความละเอียด 32MP (f/2.2) เซนเซอร์: Accelerometer, Fingerprint Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Light Sensor, Virtual Proximity Sensing พร้อมสแกนนิ้วมือใต้จอ มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น: IP67 แบตเตอรี่: ความจุ 5000 mAh รองรับชาร์จไวที่กำลัง 25W ระบบปฏิบัติการ: Android 14 ครอบทับด้วย One UI 6.1 ขนาด/น้ำหนัก: 161.1 x 77.4 x 8.2 มม. / น้ำหนัก 213 กรัม
4. Oppo Reno12
ตัวเครื่องมีขนาด 161.5 x 74.8 x 7.6 มม. น้ำหนักเบาเพียง 180 กรัม หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว แสดงผลสีสันสดใสถึง 1 พันล้านสี ความละเอียด 1080 x 2412 พิกเซล รองรับ Refresh Rate 120Hz และความสว่างสูงสุด 1200 nits พร้อมกระจกปกป้องด้วย Corning Gorilla Glass Victus 2 มาตรฐานกันน้ำระดับ IP65 ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300 ทำงานควบคู่กับ GPU Mali-G615 MC2 ให้ประสิทธิภาพที่ราบรื่น RAM ขนาด 12GB และความจุภายใน 512GB (ไม่รองรับการเพิ่มหน่วยความจำ) ระบบปฏิบัติการ: Android 14 ครอบทับด้วย Color OS 14 รองรับเครือข่าย: 5G และ 4G พร้อมการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 B/G/N/AC/AX (Wi-Fi 6), Bluetooth 5.4, GPS, A-GPS, NFC และพอร์ต USB-C รองรับ Nano SIM ได้ 2 ช่อง ระบบเสียงมีคุณภาพแบบ Stereo พร้อมไมโครโฟน 2 ตัว ด้านบนและล่าง กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว: – กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.8 พร้อมระบบ Auto Focus และ OIS – กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล – กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ซูมได้ถึง 2x รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K@30fps และอัตราเฟรมหลากหลาย เช่น 1080p@30/60/120/480fps หรือ 720p@960fps พร้อมไฟแฟลช LED กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K@30fps และ FHD@30fps แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 5000 mAh รองรับการชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟ 80W ระบบความปลอดภัยรองรับทั้งการสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ สีที่จำหน่าย: Space Brown และ Nebula Silver
5. Redmi Note 13 Pro+ 5G
Redmi Note 13 Pro+ สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมความคุ้มค่าและฟีเจอร์เด่น โดยเฉพาะกล้องหลังตัวหลักที่มีความละเอียดสูงถึง 200MP ช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัดทุกมุมมอง ไม่พลาดทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการซูมระยะไกลหรือการถ่ายในสภาพแสงต่างๆ อีกทั้งยังมีเลนส์ Wide สำหรับถ่ายภาพวิวในมุมกว้าง และเลนส์มาโครที่เก็บรายละเอียดระยะใกล้ได้อย่างสวยงาม ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16MP ก็ตอบโจทย์การถ่ายเซลฟี่ได้ดีตามมาตรฐานสมาร์ตโฟนจากจีน ตัวเครื่องถูกออกแบบมาอย่างทันสมัย ใช้วัสดุคุณภาพดี น้ำหนักเบา และให้ความรู้สึกจับถนัดมือ หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ รองรับ HDR10+ มอบสีสันสดใส สร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับการดูหนังและเล่นเกม ด้านประสิทธิภาพมาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 ที่สามารถรองรับการใช้งานทั่วไปและเล่นเกมได้ลื่นไหลไม่สะดุด พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ใช้งานได้นานถึง 2 วัน และรองรับการชาร์จเร็ว 120W ที่ชาร์จเต็มจาก 0% ถึง 100% ได้ภายในเพียง 15 นาที Redmi Note 13 Pro+ มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Midnight Black, Moonlight White, Aurora Purple และ Mystic Silver โดยวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นเพียง 13,990 บาท สำหรับสมาร์ตโฟนทั้ง 5 รุ่นที่กล่าวถึง แต่ละรุ่นตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน หากคุณกำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่ครบเครื่องที่สุด ทั้งความทนทาน แบตเตอรี่อึดที่ใช้งานได้นาน และกล้องคุณภาพสูง HONOR X9c ถือเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดด้วยเทคโนโลยีและการออกแบบที่ล้ำสมัย ส่วน vivo Y200 5G และ Samsung Galaxy A55 เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ชื่นชอบดีไซน์เรียบง่ายและการใช้งานในชีวิตประจำวัน หากคุณให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพและวิดีโอสร้างสรรค์ Oppo Reno12 F อาจเป็นตัวเลือกที่ใช่ แต่สำหรับผู้ที่เน้นทั้งประสิทธิภาพการเล่นเกมและกล้องถ่ายภาพระดับโปร Redmi Note 13 Pro+ คือคำตอบ เลือกรุ่นที่ตรงใจและเริ่มต้นประสบการณ์ใหม่กับสมาร์ตโฟนเหล่านี้ได้เลย